วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คีตนนทรีใต้ร่มพระบารมี คอนเสิร์ตครบรอบ 30 ปี คณะมนุษยศาสตร์

คอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คีตนนทรีใต้ร่มพระบารมี
เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เพื่อสมทบทุนก่อสร้างอาคารดนตรีที่ทันสมัยและครบวงจร


เสาร์ 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 19.00 น.


ขอเชิญชวนเพื่อนๆ  ผู้รักการดนตรี ร่วมซื้อบัตรเข้าชม ร่วมบริจาค หรือร่วมสนับสนุน เพื่อสมทบทุนก่อสร้างศูนย์ดนตรีเฉลิมพระเกียรติ ของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีเสด็จทรงเป็นประธานการแสดง

ท่านจะได้ชมผลงานเพลงหลากหลาย จากเพลงครูดนตรีแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 
เพลิดเพลินกับการบรรเลงดนตรีวง KU Wind Symphony Orchestra ที่เลื่องชื่อและเคยชนะการประกวดมาหลายครั้ง ภายใต้การนำวง ของ อาจารย์สุรพล ธัญญวิบูลย์   
สนุกสนานกับการแสดงหุ่นละครเล็ก ของคณะ Joe Louise 


สนุกสนานกับการแสดงเดี่ยวระนาดเอก 9 ราง  


เพลิดเพลินกับการการขับร้องเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดย คุณชินกร ไกรลาศ


ตื่นตาตื่นใจกับการบรรเลงดนตรีของ พี่น้องตระกูล ศรีกรานนท์ คือ ดร.ภาธร และ ดร.อินทุอร ศรีกรานนท์


เพลิดเพลินกับการขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์โดยศิลปินแห่งชาติ และศิลปินรับเชิญ เช่น คุณสุเทพ วงค์กำแหง  คุณทิพย์วรรณ ปิ่นภิบาล คุณเศรษฐา ศิระฉายา 


เพลิดเลินบันเทิงใจกับเพลงดนตรีอมตะ ขับร้องโดยศิลปินแห่งชาติและศิลปินรับเชิญ เช่น คุณชินกร ไกรลาศ คุณ นันทนา บุญหลง คุณรัดเกล้า อามารดิษ   


สนุกสนานกับเพลงแนวสมัยใหม่ โดยคุณโก้ แซคแมน  


โชว์ประทับใจของ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ ดารานักแสดงซึ่งเป็นนิสิตปีที่สี ของภาควิชาภาษาต่างประเทศ คณะมนุษยศาสตร์ รวมทั้ง เตชินท์ ชยุติ และ ยุ้ย ณพอาพา เทวกุล ณ อยุธยา 




บัตรราคา 2000, 1500, 1000 และ 500 บาท 



ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.totalreservation.com   CALL CENTER : 02 – 833 - 5555


จองบัตรได้ที่ www.totalreservation.com 
หรือที่ภาควิชาดนตรี คณะมนุษยศาสตร์ โทร 02 5795566-8 ต่อ 4701  



 

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวบินตัน (ฺBintan)

ระหว่างคอยเจ้าตัวน้อยเลยตัดสินใจไปฉลองครบรอบแต่งงานปีนี้ ที่ Angsana Resort, Bintan

BINTAN
บินตันเป็นเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งของอินโดนีเซีย อยู่ใต้สิงคโปร์  มีประวัติศาสตร์ยาวนานว่าเจ้าผู้ครองแคว้นมัลลักกาหนีมาที่บินตันเมื่อโปรตุเกสยึดเมืองมัลลักกาได้ ปัจจุบันด้านเหนือและด้านตะวันออกของเกาะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยว โรมแรมและรีสอร์ทหรูหราเรียงรายกันอยู่ด้านเหนือของเกาะบินตัน มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ที่ใกล้ที่สุดคือ Pasah Oleh Oleh สถานที่ซื้อของที่ระลึกที่มีชื่อของเกาะ นอกนั้นก็จะมีการไปเที่ยวชมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบินตัน  ตลาดพื้นเมืองของที่นี่   การเดินทางไปบินตันมีทั้งมาจากสิงคโปร์และอินโดนีเซีย แต่สิงคโปร์จะสะดวกกว่าเพราะใกล้กันนิดเดียว ที่บินตันนี้ภาษาที่ใช้ยังเป็นภาษาอินโดนีเซีย แต่ทางตอนเหนือของเกาะเจ้าหน้าที่ชาวบินตันทั้งหลายสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว แม้ว่าตอนแรกๆ ต้องพยายามฟังให้คุ้นเคยกับสำเนียงเขา ป้ายบอกทางมีทั้งภาษาอินโดนีเซียและภาษาอังกฤษ ทำให้รื้อฟื้นศัพท์อินโดนีเซียได้หลายคำ


ANGSANA RESORT AND SPA, BINTAN
เป็นรีสอร์ทที่เงียบสงบ หรูหราระดับห้าดาว อยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบินตัน อยู่ติดกับ Tanjung Sald ซึ่งเป็นหาดทรายขาวละเอียด สวยงาม 
 

 
รีสอร์ทตั้งอยู่ในพื้นที่ Laguna resort ซึ่งมีทั้ง Angsana Resort and Spa และBanyan Tree Resort and Spa และ Laguna Golf  Club ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ  ท่าเรือก็อยู่ไม่ห่างจากโรงแรมนัก ใช้เวลาเพียง 10 นาทีก็ถึง

หาดที่ Banyan Tree จะมีหินเยอะ แต่วิวสวย ไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นน้ำทะเลนัก หาดที่ Angsana สวยกว่ามาก น่าเล่นด้วย  แต่ช่วงเดือนกันยายนนี้ยังคงต้องระวังแมงกระพรุนด้วย   ใกล้ๆ กับ Laguna จะเป็น Nirwana Resort Hotel ซึ่งใหญ่โตกว้างขวางมีโรงแรมข้างในอีกหลายโรงแรม ทั้งยั้งมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย คึกคักและมีสีสรรมากกว่า  ที่ Angsana มีอินเทอร์เน็ตให้ใช้ฟรีด้วยค่ะ แต่ต้องไปนั่งใน lobby หรือร้านอาหารนะคะ มีเครื่องให้ใช้ 1 เครื่องเข้าคิวกันยาวหน่อยบางช่วงเวลา แต่ถ้ามีโน้ตบุ๊กละก็สะดวกสบายมากใช้ wireless ได้สบายๆ คุณชายเลยคุยงานกับลูกน้องได้ทุกวัน สะดวกไปอีกแบบ อาหารการกินภายในโรงแรมคิดเป็น US Dollars ทั้งหมด แพงมั่กๆ ถ้าออกไปสถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ เขารับเงินสิงค์โปร์ แต่ถ้าไปชมหมู่บ้านไกลๆ ดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ชาวเมือง ต้องใช้เงินรูปีเท่านั้น

DAY 1
จองตั๋วแอร์เอเชียมาสิงคโปร์คราวนี้ เป็นครั้งแรกที่ทำ web check-in ง่ายมาก เสร็จขั้นตอนปุ๊บเราก็สั่งพิมพ์ boarding pass ไปใช้ได้เลย อย่างเราเดินทางไปต่างประเทศ ต้องไปตรวจเอกสารความเรียบร้อยอีกทีหนึ่ง ที่ counter D-19 โดยเฉพาะเรามีกระเป๋าเสื้อผ้า ไม่อยากแบกให้หนัก ก็ต้องไปทำ baggage check-in ทีนี่ด้วย  แต่วันนี้พอไปถึงเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์นั้นบอกว่าไม่สะดวกขอ ให้ไป E-16 แทน และแล้วเราก็ทำ baggage checkin เสร็จภายในสองนาที




จากสนามบินสุวรรณภูมิ เราสองคนมาถึงสนามบิน Changi เวลา 10.25 . เวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง  และแล้วสิ่งแรกที่ต้องประหลาดใจก็คือพวกเราผ่านการตรวจคนเข้าเมืองพร้อมกับรับกระเป๋าเรียบร้อยภายในเวลา 15 นาที ทีแรกกะว่าอย่างน้อยก็คง 45 นาทีนะนี่    จากสนามบินชางจี นั่งรถแท็กซี่มาที่ท่าเรือ Tanah Merah Ferry Station ภายใน 10 – 15 นาที ที่นี่นอกจากจะใช้แท็กซี่มิเตอร์แล้วยังมี charge เพิ่มอีก S$3 ไม่แน่ใจว่าเป็นค่าธรรมเนียมจากสนามบินหรือเปล่า  การเดินทางไปบินตันจากสิงคโปร์นั้น ทุกคนต้องมาขึ้นเรือที่ท่าเรือนี้ เราสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ และควรจองตั๋วเรือล่วงหน้าเป็นอย่างยิ่งเพื่อความสะดวกในการเดินทาง เพราะหากไม่มีที่ว่างเหลือพอ ก็จะต้องรอเรือเที่ยวต่อไปเลยทีเดียว  การจองตั๋วเรือ ferry นี้สะดวกมากค่ะ ดูรายละเอียดการจอง ตารางเวลาได้ที่ www.brf.com.sg  ที่สำคัญหลังจากได้จดหมายยืนยันการจองเรียบร้อยแล้วต้องนำเอกสารไปแสดงที่ท่าเรือเพื่อรับ boarding pass และต้องไปรับ boarding pass ก่อนกำหนดการออกเรือแต่ละเที่ยวไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง 

เรือออกตอนบ่ายสองโมง  เรามาก่อนเวลาตั้ง 3 ชั่วโมง  เจ้าหน้าที่บอกว่ายังเร็วเกินกว่าที่จะทำ baggage check-in ให้กลับมาทำ baggage check-in ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก่อนเรือออก และไปถึง gate ไม่น้อยกว่า 40 นาทีก่อนเรือออก ไม่งั้นมีสิทธิ์ตกเรือได้  ไหนๆ ก็สิบเอ็ดโมงแล้ว จะมัวช้าอยู่ทำไม ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ลองทานอาหารท่าเรือนี้ดีกว่า ดูซิว่ามีอะไรอร่อย  ร้านอาหารที่นี่มีลักษณะเป็น cafeteria  ทุกคนรับถาด ไปเลือกอาหาร จ่ายเงิน แล้วหาที่นั่งทาน เราสองคนเลือกข้าวมันไก่ ดูน่าทานจริงๆ แล้วก็ไม่ผิดหวัง อร่อยมากค่ะ ไก่ตอนของสิงคโปร์นี่เนื้อนุ่มจริงๆ แต่ข้าวมันแข็งไปหน่อย ที่บ้านเราอร่อยกว่า  


เรือข้ามไปเกาะบินตันนี้มีป้ายเขียนชัดเจนว่า Bintan Resorts เรือที่ใช้เดินทางเป็นเรือ Catamaran ความจุ 300 คน ใช้ชื่อ Wan Sendari  ต้องกรอกในเอกสารเข้าประเทศอินโดนีเซียด้วยว่ายานพาหนะที่ใช้เดินทางเข้าประเทศคือ Wan Sendari  มีที่นั่งสบายๆ ให้ผู้โดยสารนั่ง แต่จะเดินเพ่นพ่านไปหัวเรือท้ายเรือตามใจชอบเหมือนเรือข้ามข้ามไปเกาะต่างๆในบ้านเราไม่ได้ ต้องเดินอยู่แต่ในห้องผู้โดยสารเท่านั้น แต่ที่นั่งก็สบาย ไม่อึดอัด เรือก็แล่นได้เงียบและนุ่มมาก สมกับป็น Catamaran ลำใหญ่จริงๆ  ทำให้เราสองคนหลับสบายๆ ไปได้งีบนึง ตื่นมาก็ถึงท่าเรือ Bendar Bentan Telani ที่บินตันพอดี ใช้เวลาเดินทาง 55 นาที



วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

อาการหลังใส่ตัวอ่อน

รอบนี้ใส่ตัวอ่อนในวันที่ 4 ซึ่งเริ่มเข้าระยะบลาสโตซิสแล้ว
หลังจากใส่ตัวอ่อนคุณหมอก็บอกว่าปฏิบัติตนได้ตามปกติ เพราะการนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ แต่ให้ระวังในเรื่องต่อไปนี้
  • ท้องผูก ท้องเดิน
  • พักมากๆ ระยะ 3 วันแรก
  • ขึ้นลงบันไดได้แต่อย่าหลายรอบนัก
...............................
มาดูกันว่าตัวอ่อนเจริญเติบโตอย่างไรบ้าง
ข้อมูลจาก http://www.pantown.com/board.php?id=23499&area=3&name=board2&topic=53&action=view

ใส่ตัวอ่อนวันที่ 3 ของการปฏิสนธิ
1วันหลังใส่ตัวอ่อน...ลูกตัวอ่อนเจริญเติบโตและพัฒนาต่อไป
2 วันหลังใส่ตัวอ่อน...ลูกตัวอ่อนเข้าสู่ระยะบลาสโตซิส
3 วันหลังใส่ัตัวอ่อน...ลูกตัวอ่อนฟักออกจากเปลือก(เซลล์บลาสโตซิส?)ในวันนี้
4 วันหลังใส่ตัวอ่อน...ลูกตัวอ่อนเข้าไปเกาะที่ผนังมดลูกของคุณแม่
5 วันหลังใส่ตัวอ่อน...การฝังตัวเข้าสู่ผนังมดลูกคุณแม่ ของลูกตัวอ่อนเริ่มขึ้นในวันนี้
6 วันหลังใส่ตัวอ่อน...กระบวนการฝังตัวดำเินินการต่อไป และลูกตัวอ่อนก็จะฝังตัวลึกลงไปยิ่งขึ้นในผนังมดลูกของคุณแม่

7 วันหลังใส่ตัวอ่อน...ลูกตัวอ่อนทำการฝังตัวเสร็จเรียบร้อยในผนังมดลูกของคุณแม่ และเริ่มมีการสร้างเซลล์ของรก และตัวของเบบี๋เอง
8 วันหลังใส่ตัวอ่อน...รกของเบบี๋เริ่มส่งฮอร์โมน HCG ไปยังระบบเลือดของคุณแม่
9 วันหลังใส่ตัวอ่อน...เริ่มผลิต HCG มากขึ้น เบบี๋ก็เริ่มพัฒนาเป็นตัวตนขึ้นเรื่อยๆ

10 วันหลังใส่ตัวอ่อน...เริ่มผลิต HCG มากขึ้นเรื่อยๆ เบบี๋ก็เริ่มพัฒนาเป็นตัวตนขึ้นเรื่อยๆ
11 วันหลังใส่ตัวอ่อน...ระดับของ HCG ณ วันนี้ก็จะสูงพอที่จะใช้ที่ตรวจตั้งครรภ์ (HPT) ตรวจได้แล้วค่ะ ^____^


ใส่ตัวอ่อนวันที่ 5 ของการปฏิสนธิ ระยะบลาสโตซิสต์ (Blastocyst)
0 วัน ณ วันใส่ตัวอ่อน...ลูกตัวอ่อนอยู่ในระยะบลาสโตซิสแล้วจ้า
1 วันหลังใส่ตัวอ่อน...ลูกบลาสฯ ฟักออกจากเปลือกหุ้ม
2 วันหลังใส่้ตัวอ่อน...ลูกบลาสฯ ไปเกาะที่ผนังมดลูกของคุณแม่แล้วจ้า
3 วันหลังใส่ตัวอ่อน....การฝังตัวเริ่มขึ้นวันนี้แหละ ลูกบลาสเริ่มที่จะฝังตัวสู่ผนังมดลูกของคุณแม่
4 วันหลังใส่ตัวอ่อน...กระบวนการฝังตัวก็ดำเนินการต่อไป ลูกตัวอ่อนฝังตัวลึกเข้าไปในผนังมดลูกของคุณแม่
5 วันหลังใส่ตัวอ่อน...ลูกตัวอ่อนทำการฝังตัวเสร็จเรียบร้อยในผนังมดลูกของคุณแม่ และเริ่มมีการสร้างเซลล์ของรก และตัวของเบบี๋เอง
วันหลังใส่ตัวอ่อน...รกของเบบี๋เริ่มส่งฮอร์โมน HCG ไปยังระบบเลือดของคุณแม่

7 วันหลังใส่ตัวอ่อน...เริ่มผลิต HCG มากขึ้น เบบี๋ก็เริ่มพัฒนาเป็นตัวตนขึ้นเรื่อยๆ

8 วันหลังใส่ตัวอ่อน...เริ่มผลิต HCG มากขึ้นเรื่อยๆ เบบี๋ก็เริ่มพัฒนาเป็นตัวตนขึ้นเรื่อยๆ
9 วันหลังใส่ตัวอ่อน...ระดับของ HCG ณ วันนี้ก็จะสูงพอที่จะใช้ที่ตรวจตั้งครรภ์ (HPT) ตรวจได้แล้วค่ะ ^____^


.......................................
เราใส่ตัวอ่อนในวันที่ 4 ของการปฏิสนธิ วันที่ 7 กันยายน ตัวอ่อนอยู่ในระยะเริ่มเข้าบลาสโตซิสต์ วันนี้ก็วันที่ 16 กันยายน รวมเป็นวันที่ 10 หลังใส่ตัวอ่อน พรุ่งนี้จะได้ลองตรวจปัสสาวะดู ต้องรอลุ้น


ที่อยากจะรีบตรวจก็เพราะวันพฤหัสคือพรุ่งนี้มีกิจกรรมเยอะแยะไปหมด ต้องเดินเยอะด้วย ต้องกลับบ้านเย็นอีก จะได้หายสงสัย วันศุกร์ก็มีตรวจประกันอีกมหาวิทยาลัยด้วย จะได้พยายามเลี่ยงให้มากที่สุด ....


มานึกดูการทำ ICSI รอบนี้ต่างจากการใส่ตัวอ่อนคราวที่แล้ว จำได้ว่าคราวที่แล้ว คุณหมอนัดตรวจเลือดวันที่ 17 ของการใส่ตัวอ่อนแน่ะ สองสามวันก่อนหน้านั้นปวดท้องมากๆๆๆๆ มีเจ็บหน้าอกนิดหน่อยเหมือนประจำเดือนจะมา พอรู้ผลว่าไม่ท้อง ก็ถามคุณหมอ คุณหมอบอกว่า อ๋อ ยาฮอร์โมนคุมไม่ให้ประจำเดือนมา พอมาไม่ได้ มันต้านกัน ก็เลยปวดท้อง


แต่คราวนี้ต่างกัน มีปวดท้องจี๊ดๆ บ้างช่วงสองสามวันแรก พอราววันที่ 6 วันที่ 7 ก็มีอาการแปลกๆ สอดยาก็ยาก เจ็บเต้านม หัวนมด้วย พอวันที่ 8 และ 9 นี่มีปวดหน่วงๆ เยอะอยู่ ไม่รู้เป็นไรนะ ที่บ้านก็ถามกันว่าเอแล้วยังจะเดินทางปลายเดือนอีกมั้ย เดือนตุลาคมก็จองตั๋วไปอินเดีย จะได้ไปมั้ย เดี๋ยวก็รู้

17 กันยายน 2552 -- ตื่นแต่เช้ามืด ลองตรวจดู ขีดไม่ขึ้น โอเค ทำใจแล้ว ชิว ชิวนะ แล้วทำไมมีอาการแปลกๆ นะเนี่ย สงสัยจะโดนหลอกให้ดีใจ


19 กันยายน --พบคุณหมอแล้ว ตามที่คาดไว้ ตัวอ่อนไม่ฝังตัว ตรวจเลือด B-HCG ได้แคุ่ 6.4 เอง คุณหมอบอกว่าดีขึ้นนะ คราวที่แล้วได้แค่ 1.6 มั้ง แต่ก็ไม่เสียใจไร เพราะรอบนี้มีคิวเดินทางรออยู่สัปดาห์หน้าเพราะได้โรงแรมแล้วเหลือแต่จองตั๋วเดินทาง ถ้าจะมีน้องจริงๆ ต้องคิดหนักว่าจะไปหรือไม่ไป ว่าแล้วสัปดาห์นี้ก็เริ่มหาข้อมูลไปบินตัน อีก 10 วันเดินทาง  หลังจากนั้นตอนเดือนตุลาจะได้ไปทำบุญที่อินเดีย คุณหมอก็ไม่อยู่ตุลาเหมือนกัน พอเหมาะพอเจาะ พักกันไว้ก่อนแล้วมาเริ่มใหม่เดือนพฤศจิกายนละกันจ้า

เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ Endometriosis

โรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ หรือ Endometriosis มีชื่อที่รู้จักกันทั่วไปว่า chocolate cyst


ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นโรคนี้
     หญิงสาววัยเจริญพันธุ์ ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีประจำเดือนนั่นเอง มักพบในผู้มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ยังไม่แต่งงาน หรือยังไม่มีบุตร


อาการที่พบบ่อยของโรค
สิ่งเหล่านี้คืออาการที่พบบ่อย แต่ก็มีบางคนที่ไม่มีอาการ และบังเอิญไปตรวจพบเข้า (-- กรณีเราไม่มีอาการเลย แต่เมื่อปวดท้องรุนแรงก็ถึงขนาดที่ถึงขั้นต้องส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันทีเพราะแตกแล้ววววว)
1. ปวดท้องขณะมีประจำเดือนมากกกกกกก
2. ปวดท้องก่อนหรือหลังมีประจำเดือน
3. ประจำเดือนมามากผิดปกติ
4. ปวดท้องน้อยขณะมีเพศสัมพันธุ์
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีบุตรยากได้ หากปล่อยไว้ไม่รักษาอาจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ


.......................
ตามธรรมชาติแล้วภายในของมดลูกจะมีเนื้อเยื่อบุมดลูกบุอยู่ (Endometrium) แต่หากเกิดเนื้อเยื่อบุเหล่านี้ไปขึ้นอยู่ผิดที่ผิดทางนอกมดลูก จะเรียกว่า Endometriosis เช่น ไปเกิดขึ้นที่รังไข่ เป็นต้น การเกิดโรคนี้ถือเป็นการทำงานผิดพลาดของระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง



ระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง จะถูกควบคุมโดยต่อมใต้สมอง(Pituitary gland) ซึ่งทำหน้าที่หลั่งฮอร์โมนไปกระตุ้นรังไข่ให้สร้างไข่และฮอร์โมนเพศ คือเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของผู้หญิง เช่น เต้านม ลักษณะทางเพศ รอบประจำเดือน อารมณ์ การเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์


ฮอร์โมนเพศทั้งสองชนิดนี้ที่หลั่งจากรังไข่จะเป็นตัวทำให้เยื่อบุมดลูกเจริญ เติบโตและหนาขึ้น โดยประมาณในวันที่ 21 นับจากวันแรกของการมีรอบเดือน ซึ่งเยื่อบุนี้จะมีต่อมมากมายและมีเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยง เพื่อพร้อมแก่การฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมกับอสุจิ แต่หากไม่มีการปฏิสนธิ ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะลดระดับลง เยื่อบุมดลูกก็จะสลายตัวและขับออกมาเป็นรอบเดือน


Endometriosis เกิดขึ้นจากเนื้อเยื่อบุมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ หากว่าเยื่อบุมดลูกเกิดขึ้นนอกมดลูก ก็จะทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ที่เล่ามาข้างต้น บริเวณส่วนใหญ่ที่จะเกิดขึ้นได้คือใกล้ๆ มดลูก แม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่ทางการแพทย์เชื่อว่า เกิดจากการไหลย้อนกลับของเลือดประจำเดือน ผ่านทางหลอดมดลูก ไปฝังตัวตามที่ต่างๆ เช่น ที่รังไข่ บริเวณอุ้งเชิงกราน หรือบริเวณนอกมดลูกเกิดเป็นเซลล์เยื่อบุที่มีลักษณะเหมือนถุงน้ำที่มีเลือด ออกอยู่ภายในและไม่สามารถขับออกมาได้ เมื่อหมดรอบเดือนน้ำก็จะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายเหลือแต่เลือดเข้มข้น ค้างอยู่ นานเข้าก็จะกลายเป็นสีน้ำตาล หลายคนจึงเรียกว่า ช็อกโกแลตซีส (Chocolate cyst)


เมื่อถึงเวลารอบเดือนถัดไป มีการตกไข่และมีการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนอีก เนื้อเยื่อบุนอกมดลูกเหล่านี้ก็จะตอบสนองต่อฮอร์โมนด้วยเช่นเดียวกับเยื่อบุ ที่อยู่ภายในมดลูก คือสามารถเจริญเติบโต หนาตัวขึ้น สลายตัว และขับออกเป็นเลือดประจำเดือนได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นนอกมดลูกจึงไม่สามารถขับออกได้ และจะยิ่งเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเพราะมีการสะสมของเลือดมากขึ้น ซึ่งหากไปดันหรือกดเอาอวัยวะภายในอื่นๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะ หรือผนังช่องท้อง ผนังลำไส้ก็จะทำให้เกิดการระคายเคือง เป็นอาการปวดท้องขึ้นได้ และหากโชคไม่ดีเยื่อบุที่อุ้มเลือดเก่าๆ เหล่านี้แตกขึ้นมา ก็จะยิ่งทำให้เกิดอาการปวดท้องเฉียบพลันรุนแรงได้ แต่สำหรับบางคน Endometriosis ก็สามารถฝ่อไปได้เองหากมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศ


การรักษา
ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงมักต้องการรักษาเนื่องจากไม่สามารถทนการปวดท้องประจำเดือนที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ และภาวะนี้จะไม่หมดไปตราบเท่าที่ยังมีประจำเดือนอยู่


1. ใช้ฮอร์โมน ทั้งแบบฉีดหรือแบบเม็ด จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชนิดเพราะยาฮอร์โมนโดยเฉพาะยาคุมกำเนิดบางชนิดมีระยะเวลาและปริมาณกำหนดในการใช้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ข้างเคียงได้
2. ผ่าตัดใหญ่ทางหน้าท้อง เพื่อตัดเอาเนื้อเยื่อบุมดลูกที่เจริญผิดที่ออก และในกรณีรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาตัดออกทั้งมดลูกและรังไข่ หรือแต่เพียงรังไข่ข้างที่มีปัญหา เพื่อตัดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ประสงค์จะมีบุตร
3. ผ่าตัดด้วยกล้องส่อง Laparoscope วิธีนี้จะทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเพราะเจาะผ่านหน้าท้องเพียง 3-4 รู เท่านั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.spiceday.com/picpost/viewthread.php?tid=5287
http://www.thaiclinic.com/endometriosis.html

ใส่ตัวอ่อนรอบ 2 ทำ ICSI รอบ 3

รอบนี้คุณหมอนัดใส่ตัวอ่อนวันที่ 7 กันยายน 9.00 น. ที่ศิริราช ไปกันแต่เช้าตั้งแต่ก่อนหกโมงครึ่ง เพราะคุณสามีบอกต้องรีบไปชิงที่จอดรถบนอาคารจอดรถ แผนกผู้มีบุตรยากนี่เปิดให้เข้าไปตอนเจ็ดโมง โห เจ็ดโมงคนก็เยอะละ แต่มาตรวจอุลตร้าซาวนด์ซะส่วนใหญ่ พอสักแปดโมงกว่าเราเลยลองไปถามพยาบาลว่าจะให้ทานน้ำตอนไหน คุณพยาบาลก็ถามว่าหมออะไร พอบอกว่า อ.พิทักษ์ อ๋อ สิบโมงมั้ง เดี๋ยวดื่มน้ำได้เลย เหรอ โอเค เราก็เป็นคนชอบดื่มน้ำอยู่แล้ว ก็กระดกขวดน้ำ 600 ml. เข้าท้องหมดภายใน 5 นาที เพื่อนนั่งข้างๆ ยังทำหน้าประหลาดใจ โหดื่มเร็วซะขนาดนี้ (เดี๋ยวได้วิ่งเข้าห้องน้ำแน่) .... อีกสิบนาทีต่อมาพยาบาลคนที่ทำหน้าที่ช่วยคุณหมอตอนเก็บไข่ รีบเดินมาบอกว่า ไม่ต้องรีบทานน้ำนะคะ คุณหมอต้องคอยเครื่องมือ คงทำช้าหน่อย จะต้องทานน้ำเมื่อไรแล้วจะบอก 5555555 เป็นไงล่ะ เราก็ อ๋อ ค่ะ ทานหมดไปแล้วนี่ ต้องดื่มอีกรอบแน่เลย น้ำหมดขวดแล้ว แล้วจะหาน้ำที่ไหน คูลเลอร์น้ำดื่มของแผนกนี้ก็เป็นน้ำเย็นซะอีก ไม่ชอบ ขอทานน้ำอุ่นหรือน้ำไม่เย็นดีกว่า แต่เอ มื่อถือ ก็เอาไปฝากคุณสามีไว้ คุณซะมีก็ธุระเยอะเหลือเกิน เดินเข้าเดินออก เดินคุยงานทางโทรศัพท์ แล้วหายไปไหนไม่รู้ คุยกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ เลยรู้ว่ามาใส่ตัวอ่อนเหมือนกัน คุณหมอเดียวกันด้วย เอ้า ขอยืมมือถือเค้าใช้ 1 นาทีละกัน ให้คุณสามีเอาน้ำมาให้  ที่ศิริราชนี่คนแน่นมาก ยิ่งคิวของ อ.พิทักษ์ก็เยอะมาก เพื่อนนั่งข้างๆ ที่ให้ยืมโทรศัพท์ เริ่มทานน้ำแล้ว พยาบาลให้เริ่มดื่มน้ำตั้งแต่สิบโมง ของเราคุณพยาบาลบอกว่าพิเศษหน่อย เคสนี้ยาก ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ รอสั่งก่อน คิวสุดท้ายเป็นแน่แท้   เราก็นั่งคอยๆ คอยๆ ง่วงอยากจะหลับก็กลัวว่าพยาบาลจะเรียก จนเที่ยงคนไข้ของแผนกนี้จึงหายไปเกือบเกลี้ยง แต่ก็ยังไม่ถึงคิว คนที่คุณหมอนัดใส่ตัวอ่อนก่อนหน้าเราดื่มน้ำตั้งแต่ก่อนสิบโมง ต้องเดินเข้าเดินออกห้องน้ำไปปล่อยบ้าง สงสารจัง บ่ายโมงเพิ่งเห็นคุณหมอไปทานข้าว กว่าจะได้เรียกเข้าไปทำก็บ่ายครึ่งแน่ะ เป็นเราแย่แน่เลยต้องกลั้นปัสสาวะตั้งสองสามชั่วโมง  ทีนี้พอบ่ายโมงกว่าเลยไปถามว่าจะให้ทานน้ำหรือยัง คุณพยาบาลใจดีก็บอกว่า ทานไปเรื่อยๆ ได้เลยค่ะ แต่ไม่ต้องปล่อยออกนะคะ อ้าว มีงี้ด้วย ก็ปล่อยไปเยอะแล้วตั้งแต่ขวดแรกน่ะ ตอนนี้เลยค่อยๆ ดื่มไปเรื่อยๆ ตอนบ่ายครึ่ง พอน้ำหมดคนที่คิวก่อนหน้าเรา ก็เข้าไปพอดี  


พอสักบ่ายสองกว่า เห็นเจ้าหน้าที่เอาเครื่องมือมาส่ง สงสัยของเราแน่เลย คุณพยาบาลมาเรียกตอนบ่ายสามโมง กำลังปวดปัสสาวะได้ที่เลย ไม่นานเกินไป  คุณหมอยังบอกว่าคงยากแน่ เคสนี้ เตรียมเครื่องมือพิเศษไว้เลย แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ใช้ คุณหมอให้ใช้แบบปกติก่อน แป๊บเดียวก็ใส่ตัวอ่อนเรียบร้อย คุณหมอเราเก่งจริงๆ เสร็จแล้วคุณหมอก็เอารูปไข่และการแบ่งเซลล์ให้ดู แหมคุณหมอถ่ายรูปไว้ในมือถือด้วยเป็นชุดเลย ให้เห็นตั้งแต่ไข่วันแรกที่เก็บ สวยใช้ได้ ต่อจากนั้นก็เป็นภาพวันที่มีการปฏิสนธิแบ่งเซลได้สี่เซล วันต่อมา วันที่สามแบ่งเซลได้สิบเซล วันที่สี่คือวันที่ 7 กันยายนนี้ คุณหมอโชว์ให้ดูว่าตอนบ่ายนี้ตัวอ่อนเริ่มเข้าสู่ระยะบลาสโตซิส นับว่าเป็นการเจริญเติบโตเร็วดี เรายังนึกว่ายังไม่วันที่ห้าเลย เข้าสู่บลาสโตซิสแล้ว ดีจัง ทีแรกคราวก่อนๆ คุณหมอก็ห่วงอยู่ว่าการเติบโตของตัวอ่อนอาจอยู่ไม่ถึงขั้นบลาสโตซิส นี่ก็แสดงว่าสุขภาพเราดีขึ้นมากๆ จริงๆ คุณหมอถึงกับชมว่า มีพัฒนาการดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ อิอิ ขนาดคุณหมอยังไม่อยากเชื่อเลย  ทำครั้งแรกเดือนมีนาคม ไข่ไม่ปฏิสนธิ ทำ icsi ครั้งที่สองปลายเดือนกรกฎาคมปฏิสนธิแต่ไม่ตั้งครรภ์ ครั้งนี้ตัวอ่อนเจริญเติบโตได้ถึงขั้นบลาสโตซิสนับว่าดีทีเดียว ทำไมน่ะเหรอคะ ก็เพราะเราได้ไข่ใบเดียวทุกครั้งน่ะสิ .... ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวอ่อนจะเกาะติดผนังมดลูกมั้ย รอลุ้นต่อไป คุณสามีบอกว่า คงไม่มีใครเหมือนคุณแล้ว กระตุ้นไข่ได้ไข่ใบเดียวเหมือนคนปกติเลย 55555 อย่างน้อยๆ เราว่ายาจีนนี่ได้ผลนะ

ต้องไปฉีดยา pregnyl 1500IU ทุก 3 วัน 3 เข็ม ไปทำยาหล่นแตกซะ เลยต้องขอให้คุณหมอสั่งให้ใหม่ให้วุ่นวายคุณหมอนัดเจาะเลือด ฟังผล วันที่ 19 กันยายน เป็นวันที่12 หลังใส่ตัวอ่อน รอลุ้นต่อไปจ้า

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

icsi รอบ 3

พอรู้ว่าไม่ตั้งครรภ์ก็กะว่าจะพักสักเดือนสองเดือน มี voucher ไปเที่ยว ก็น่าจะรีบเที่ยวซะก่อน แถมกะจะไปทำบุญที่อินเดียเดือนตุลาอีก ลูกจะได้บุญด้วย แต่พอไปตรวจกลางเดือนสิงหาคม คุณหมอบอกว่า เอ๊ะ มีไข่นี่นา เรากับคุณสามีก็เอ๋อ อ้อ เหรอคะ อืมม์ งง เรามีไข่ติดกันตั้งสองเดือนได้ด้วยแฮะ ทั้งที่มีรังไข่ข้างเดียว แถมเหลืออยู่น้อยอีก แสดงว่าสุขภาพดีขึ้นนะ ว่าแล้วก็โอเค กระตุ้นไข่ต่อ คราวนี้ใช้ clomid 3 เวลา 7 วันยาวกว่าปกติ พอมา ultrasound ดูอีกทีก็ยังแค่ 5 มม. คุณหมอเลยบอกรออีกหน่อย ไม่มียาเพิ่มเติม สัปดาห์ต่อมาได้เห็นไข่ 10.5 มม. อีกสองวันต่อมาไปศิริราชไข่โตเป็น 17.5 มม. รอบนี้สบายมาใช้ยากระตุ้นตัวเดียวเอง ไม่ต้องฉีดยาด้วย ดีจัง คุณหมอนัดเก็บไข่วันที่ 3 กันยายน ไปที่หน่วยผู้มีบุตรยาก วันนี้มีคนมาเก็บไข่สองคน เราเป็นคิวสอง ที่ตลกคือเค้ามีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หญิงทุกคนก็ไปเปลี่ยนที่นั่นแหละ เราก็งงๆ ก็มันมีคนเปลี่ยนเสื้ออยู่น่ะ จะให้เข้าไปยังไง ผู้หญิงอีกคนผ่านมาเ่ลยบอกเข้าไปเหอะ เปลี่ยนด้วยกันหมดแหละ มีตั้งแต่คนมาอุลตร้าซาวน์ด คนมาเก็บไข่ คนมาใส่ตัวอ่อน ก็เปลี่ยนชุดกันในห้องนี้ เพียงแต่เปลี่ยนชุดกันคนละแบบ บางคนก็งงยังต้องถามกันว่าเปลี่ยนส่วนไหนยังไงบ้าง ยังดีที่คนไข้ผู้หญิงคนนึงมาเก็บไข่เหมืือนกันเป็นคิวแรก คงมาที่นี่หลายหนแล้ว เลยตอบคำถามทุกคนได้หมดว่าใครตรวจอะไรต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ายังไง เสร็จแล้วเราก็เข้าไปอีกห้องนึง ที่นี่แยกห้องเก็บไข่ กับห้องใส่ตัวอ่อน ระหว่างคอยก้อนั่งคอยบนเตียงไม่มีไรทำ ก็เดินไปเดินมาแทน พอถึงคิวเรา ต้องฉีดยานอนหลับ พยาบาลถามว่ากลัวหรือเปล่า เส้นหายหมดเลย ยังไม่ทันตอบ คุณหมอเดินมาบอกว่า กลัวมาาาาากกก แหะ ได้แต่หัวเราะในใจ ก่อนหลับไป หลังจากนั้นเราได้นอนพักนานหน่อยเพราะคุณสามีวิ่งไปธุระที่ไหนก็ไม่รู้ เลยได้นอนพักตั้งสองชั่วโมง ได้ยาทั้ง estrofem และ crinone และใบสั่งฉีด pregnyl ที่คลีนิควันรุ่งขึ้น ทีนี้ก็ต้องรอลุ้นต่อไป คุณหมอนัดใส่ตัวอ่อนวันจันทร์ที่ 7 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ 4 หลังจากเก็บไข่ ยังงงเพราะทุกที 3 วันก็ให้ไปใส่ตัวอ่อนแล้ว เข้าใจว่าราชการคงไม่สะดวกกันวันอาทิตย์ละมัง ทีนี้ก็รอลุ้นอย่างเดียว กะว่าหลังจากนั้นคงพักสักสามวัน งดการสื่อสารใดๆ ท่าจะดี คราวที่แล้วหยุดพักงานนานจริงแต่มีแต่เรื่องกวนใจตลอด เพื่่อนเลยบอกหยุดไปเลยยยย

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Alila ชะอำ




หลังจากผิดหวังการทำ icsi เดือนนี้แล้ว รู้สึกเศร้าจัง ได้ voucher จาก HSBC มา ให้ไปพักที่ Alila ชะอำ 1 คืน เลยขอไปพักผ่อนซะหน่อย ทีแรกคุณสามีก็บอกขึ้เกียจไป แต่เราอยากพักใจแล้วล่ะ เราเลยไปชะอำกัน 1 คืน คุณหมอนัดวันเสาร์ 22 พอดี เลยรีบขอพบหมอเช้าๆ หน่อยแล้วจะได้เดินทางไปชะอำกัน ไปถึงได้ตอนบ่ายต้นๆได้ ทีแรกคุณสามีก็ว่าจะไปตีกอล์ฟด้วย เพราะเรามีบัตรฟรีด้วย แต่เกรงว่ากว่าจะไปถึงโรงแรมซึ่งอยู่บริเวณปึกเตียนก็เกินเที่ยงหรือบ่ายแล้ว กว่าจะไปสนามกอล์ฟซึ่งอยู่แถบชะอำอีก จะเสียเวลามาก ถ้าจะตีกอล์ฟวันอาทิตย์แล้วขับรถกลับเลยคงเหนื่อยมาก เลยสรุปไปพักผ่อนอย่างเดียวดีกว่า โอ้โห โรงแรมนี้ถูกใจโก๋มากเลยค่ะ ตามมาดูกันเลยนะ



โรงแรมนี้ทันสมัยมาก น่าอยู่มากจริงๆ พอผ่านประตูเข้ามา เจ้าหน้าที่ให้เราเลี้ยวรถเข้าไปทางประตุทางขวาซึ่งปูด้วยสนามหญ้าสีเขียวสวยงามเหมือนปูพรม จากที่นี่เค้าก็รับสัมภาระเราไป ปล่อยให้เราเดินไปล็อบบี้เอง ถ้ามีผู้ัใหญ่มาด้วยคงต้องเอารถไปจอดใต้ตึกแล้วเดินขึ้นละมั้ง ไม่มีลิฟท์เลยนะ เสียอย่างเดียวแต่ละตึกไำกลกัน เราคอยกระเป๋าตั้งชั่วโมง นึกว่าหายซะแล้ว

ทางเดินไปสู่ห้องพักนั้นก็เก๋ไก๋มาก ด้านข้างเป็นกำแพงสูงมีกรงลวดขังก้อนหินไว้ ด้านบนกำแพงนี้ก็คือสระว่ายน้ำสีสันสดใสมาก






นี่คือ cloft lounge อยู่ชั้นบน นั่งกินลมชมวิวได้สบาย

มองไปเห็นวิวทะเลและ active pool










มองไปด้านหน้าผ่านสระน้ำเห็นเรือนพักด้านข้าง และ lobby อยู่ลิบๆ


เราพักห้องพักที่ตึก 6 ห้อง 623 เป็นห้องพักแบบ horizon อยู่ชั้น 2 ต้องขึ้นบันไดค่ะ ถ้ามีผู้ใหญ่มาด้วยคงต้องอยู่ชั้น 1 แต่ละตึกมี 3 ชั้น มีห้องพัก 12 ห้อง ชั้นละ 4 ห้องใหญ่เหมือนห้อง suite ทีเดียวเชียว















ที่สำคัญใช้อินเทอร์เน็ตฟรีเลยทีเดียว ทำให้คุณสามีไม่ยอมไปไหน อยู่ติดกับที่ราวกาวแปะไว้ เธอนั่งเล่นเน็ตแล้วก็ดูทีวีจอ LCD ขนาดใหญ่ทั้งวัน จอนี้ใหญ่ดี สามารถนั่งดูที่เก้าอี้นั่งเล่น หรือบนเตียง พร้อม remote control แบบ ipod มีเพลงให้เลือกฟังมากมายอีกด้วย สุดยอดจริงค่ะ
เตียงขนาด King size พร้อมโคมไฟสุดโรมแมนติคปรับความสว่างได้ด้วย




ห้องน้ำห้องแต่งตัวก็ใหญ่โตกว้างขวาง พร้อมชั้นวางผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ตระกร้าผ้า เครื่องชั่งน้ำหนัก มีอ่างล้างหน้าแปลกตา 2 อ่าง ไม่ต้องแย่งกัน อ่างตื้นสักหน่อย ถ้าน้ำขังละก็แย่เลย ล้างหน้าไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ต้องก้มเยอะ เมื่อเปิดก๊อก น้ำไหลจากหลังกระจก แปลกไปอีกแบบ



















ทั้งยังมี
rain shower ใครเคยเห็นฝักบัวใหญ่ๆ แล้วเห็น rain shower แล้วยึ่งทึ่งกว่า มีปุ่มควบคุมอุณหภูมิ ปุ่มน้ำร้อน น้ำเย็น
สุดยอด ชอบสุดๆ ก็ rain shower นี่แหละค่ะ









ทั้งยังอ่างอาบน้ำหินอ่อนสุดหรูอีก สบู่น้ำกลิ่นสมุนไพรชื่นใจจัง ด้านข้างเป็นห้องสุขาส่วนตัวมีประตูกระจกปิดกั้นได้
สรุปที่พักดี พักสบายสุดๆ เหมาะกับการพักผ่อนจริงๆ พนักงานสุภาพ ตกแต่งสวยงาม วิวก็สวยมาก กลับบ้านได้อย่างมีความสุข

icsi รอบ 2

และแล้วเดือนที่พบไข่ถูกกระตุ้นขึ้น ก็มาถึงอีกครั้งหนึ่งหลังจากผ่านไปสี่เดือน เดือนกรกฎาคม คุณหมอให้ยากระตุ้นไข่ 12 วันต่อมาจึงพบไข่ขนาด 10.5 มม. 1 ใบ เช่นเดิม คุณหมอเลยให้ Estrofem และฉีดยากระตุ้นไข่ Puregon ครั้งละ 100IU 4 วัน หลังจากนั้นฉีดยากันไข่ตก Orgalutan 0.25 mg. โดยคุณสามีฉีดให้เอง อีกสี่วันต่อมาได้ไข่ขนาด 17.5 มม. คุณหมอจึงนัดเก็บไข่ วันที่ 24 กรกฎาคม ยังมึนๆ กันทั้งสองคน รอบนี้มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เราก็เตรียมตัวจะไปศรีลังกาต้นเดือนสิงหาคม จะได้ไปมั้ยนี่ คุณหมอบอกว่าเก็บไข่ได้ขนาด 20 มม. วันต่อมาเจ้าหน้าที่แล็ปโทรมาบอกว่าไข่สวยใช้ได้ ปฎิสนธิแล้ว เราตื่นเต้นมาก คุณหมอให้ยามาเพิ่มอีกทั้งยาสอดและยากินตรงตามเวลา แล้วนัดใส่ตัวอ่อนวันที่ 27 กรกฎาคม เร็วปานนั้น ต้องรีบเคลียร์งานสุดฤทธิ์ ดีว่าเป็นช่วงสอบพอดี คุณสามีก็ยังล้อว่า ภรรยาผมนะ กระตุ้นไข่แทบตายได้ไข่ใบเดียวทุกที เจ๋งมาก เหมือนคนปกติเลยนะเนี่ย
พอวันที่ 27 วันหมอนัด ก็คิดว่าจะบอกคุณแม่ยังไงดีนะว่าคงไปศรีลังกาไม่ได้ซะแล้ว ทีแรกคุณแม่ก็เสียดายนะ แต่ก็เข้าใจ เราก็เสียดาย แต่ก็คิดว่าเดี๋ยวเราตั้งจิตตามไปทำบุญด้วยละกันตามสถานที่ที่ไปกัน ทีนี้หลังใส่ตัวอ่อนแล้วคุณหมอบอกให้พักเยอะๆ อย่างน้อย 3 วัน พร้อมดื่มน้ำเยอะ ๆ เลยได้นั่งนอนวิ่งเข้าห้องน้ำเพราะดื่มน้ำเยอะนี่แหละ คุณแม่สามีก็น่ารักมาก ยกอาหารเช้า อาหารกลางวันมาให้ถึงห้องนอนทุกวัน ตอนเย็นเราถึงลงไปทานข้าวข้างล่าง นั่งๆนอนๆ อยู่ไม่กี่วันก็โดนตามแก้ปัญหางานที่ทำงาน ความเครียดขึ้นมาอีก ชั่งน้ำหนักเอ๊ะทำไมน้ำหนักลด ทั้งที่กินออกเยอะแยะ เลยต้องกินเพิ่มอีก พอ 14 วันลองตรวจปัสสาวะก็ไม่พบว่าตั้งครรภ์ เศร้าไปเลย แต่ก็ยังพอมีความหวังเมื่อเพื่อนๆ บอกว่า เดี๋ยวรออีกสองสามวัน คุณหมอนัดตรวจเลือดวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันที่ 17 หลังใส่ตัวอ่อน ปรากฏว่าฮอร์โมนไม่ขึ้น รู้สึกเศร้าจัง จบการทำ icsi อีกครั้งนึง รอบนี้คำนวณแล้วหมดไปทั้งหมด 1 แสนบาท

icsi รอบแรก



แต่งงานมาสองปีกว่า ก็ไม่มีลูกซะที เลยแวะไปหาหมอ อ้าวกลายเป็นเจอเนื้องอกมดลูกตั้ง 3 ลูก ลูกละประมาณ 6 ซม. แน่ะ ต้องผ่าตัดเอาออกก่อนนะ คุณหมอเคยถามว่ามีก้อนใหญ่ขนาดนี้ ไม่เจ็บไรบ้างเลยเหรอ แหะ ไม่ค่ะ ไม่มีอาการอะไร หนูทนทาน ไม่ค่อยเจ็บปวดอะไรกะเขาหรอก เรื่องผ่าตัดนี่เราเคยผ่ามาแล้วครั้งนึง จำได้ว่าตอนอายุ 24 เรียนอยู่ต่างประเทศ หลังจากไปเที่ยวปีนเขากับเพื่อนกลับมาปวดท้องมากๆๆๆๆ กลางดึกต้องรบกวนเพื่อนรุ่นพี่พาไปโรงพยาบาลฉุกเฉิน หมอบอกท้องบวมเห็นไหม ยังบอกหมอว่าสงสัยกินไก่ที่ปิ้งย่างที่ Yakiniku อาหารเกาหลีไม่สุกดีเลยปวดท้อง ไข้ขึ้น 105 celcius หมอให้นอนรอดูอาการตั้ง 10 ชั่วโมงกว่าจะผ่า แถมตอนจะผ่าก็หลอกเราว่าไส้ติ่งอักเสบน่ะ อ้าว เราเลยถามว่า แล้วทำไมมันเจ็บข้างซ้ายล่ะ อ๋อ หมอบอกก็มันระบมไง พอผ่าตัดเสร็จหมอถึงมาบอกว่าเป็น chocolate cyst แต่ปรากฏว่ามันลามไปถึงรังไข่ และแตกทั้งสองข้าง เลยต้องตัดรังไข่ไปข้างนึง ยังถามว่าเคยปวดประจำเดือนมั้ย ปวดบ่อยมั้ย เราก็ไม่ค่อยปวด ถ้าปวดก็ไม่มาก อย่างนี้หมอบอกว่ามีเหมือนกัน น้อยรายที่ไม่มีอาการ เรามีอาการตอนมันแตกไปหมดละสิเนี่ย ยังดีว่ายังเก็บรังไข่ไว้ให้ข้างนึง คงสงสารเห็นว่ายังไม่เบญจเพศเลย



ทีนี้พอผ่าตัดหลังผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกแล้วในเดือนมิถุนายน 2551 แล้ว คุณหมอบอกว่ามีรังไข่เหลืออีกยี่สิบถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ การจะมีลูกไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่ง่ายเลย เฮ้อ...ผ่าตัดรอบนี้น้ำหนักขึ้นมาอีกเป็นกอง
พอฟักฟื้นหลังจากหายดี เราจึงเริ่ม course การเตรียมเป็นคุณแม่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 การอุลตร้าซาวนด์นี้คุณหมอจะนัด 1-2 วันหลังประจำเดือนมา แต่ก็ไม่รู้ว่ารังไข่ทำงานมากน้อยเพียงใด ไม่รู้ว่าประจำเดือนจะมาเองหรือไม่ คุณหมอจึงให้ฮอร์โมน ปรับประจำเดือนให้มาตามกำหนด (ยาคุม Yasmin) เมื่อตรวจฮอร์โมนพบFSH สูงกว่าปกติเล็กน้อยแสดงว่ามดลูกทำงาน จึงลองกระตุ้นไข่ดู เดือนแรกนี้คุณหมอบอกลองดูก่อน คุณหมอยังไม่แน่ใจว่าจะได้ผลเท่าใด ไม่ต้องหวังอะไรมาก เริ่มด้วยการฉีดยากระตุ้นไข่ Puregon 300 IU x 3 วัน ในเวลาเดียวกันรวมเป็น 900 IU และพบแพทย์หลังจากนั้น 1 วันเพื่ออุลตร้าซาวด์ดูผล เลยต้องนอนเปิดพุงให้คุณสามีจิ้มเข็ม 3 วัน แต่ผลปรากฏว่า ไม่มีไข่ถูกกระตุ้นเลย คุณหมอเลยบอกว่างั้นเปลี่ยนใหม่ ใช้ยาแพงไม่ได้ผล ก็ใช้ยากินก่อนละกัน จึงให้ Clomid 50 mg. 5 วัน และนัดอุลต้าซาวน์ด สัปดาห์ต่อมา แต่ไม่พบว่ามีไข่ให้เห็นสักกะใบนึง เป็นอันว่าจบ 1 รอบ คุณหมอสรุปว่าดูไปรายเดือนละกัน เดือนไหนมีไข่ตก (เพราะไม่ แน่ใจว่าเรามีไข่ตกทุกเดือนหรือไม่ เนื่องจากมีรังไข่เพียงข้างเดียวและทำงานเพียง 30% เท่านั้น) เดือนใดมีไข่ตกก็จะกระตุ้นด้วยยากินหากได้ ผลจึงตามด้วยยาฉีด
พ.ย.51 พบไข่ตก 1 ฟองเล็กๆ คุณหมอให้ Clomid 5 วัน แล้วนัดอุลตร้าซาวนด์เช่นเดิม ไข่มีขนาดเพิ่มมามีขนาดเพียง 6 มม.เท่านั้น ไม่โตเพียงพอ จะใช้ได้ต้องอย่างน้อย 13 มม. จบไปอีก 1 เดือน พักเดือนธันวาให้ไปเที่ยวปีใหม่สักเดือน คุณหมอไม่อยู่น่ะ อิอิ


ม.ค.52 เมื่ออุลตร้าซาวนด์พบถุงน้ำขนาด 4 ซม. คุณหมอให้ทานยาฮอร์โมน 15 วัน มาพบคุณหมออีกครั้ง 20 วันถัดมา เป็นวันหลังประจำเดือน มา 1 วัน พบว่าถุงน้ำยุบลงแล้ว แต่ท่อนำไข่ไม่ปกติ คุณหมอให้รอดูรอบเดือนต่อไป
25 ก.พ.52 อุลตร้าซาวนด์แล้วไม่พบถุงน้ำแล้ว แต่ก็ไม่พบไข่ พบแผ่นเนื้อเยื่อบางๆ น่าจะเป็นแผ่นเนื้อเยื่อป้องกันพังผืดและป้องกันการติดกัน ของมดลูกและลำไส้ คุณหมอให้ทานยา Clomid กระตุ้นไข่ 5 วัน วันละ 3 เวลา พอไปตตวจอีกทีตอน 4 มี.ค.52 พบไข่ขนาด 11 มม. 1 ฟอง แต่ผนังมดลูกบางมากเพียง 4 มม.เท่านั้น คุณหมอจึงให้ยาเหน็บช่องคลอดมาใช้วันละ 2 ครั้งเพื่อเพิ่มความหนาของมดลูก ยา Estofem นี้เป็น ยามหัศจรรย์จริงๆ นะ ใช้เหน็บก็ได้ ทานก็ได้ด้วยนา
7 มี.ค. 52 ตรวจเลือด E2 ได้ 3549 อยู่ระดับดี ผนังมดลูกหนาขึ้นเป็น 5.5 มม. ไข่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 14 มม. คุณหมอบอกต้องให้ได้ 17 มม. จึงจะใช้ได้ และผนังมดลูกต้องหนาไม่น้อยกว่า 7 มม. ตอนนี้เลยได้ยาฉีดกันไข่ตก (Orgaluton 0.25mg) มาฉีดพร้อมยากระตุ้นไข่ Puregon วันละ 50 IU 2 วัน แล้วใช้ estofemต่อไป
9 มี.ค.52 อุลตร้าซาวนด์พบไข่ขนาด 16.8 มม. ผนังมดลูกหนาเป็น 7 มม. ใช้ได้แล้ว คุณหมอจึงนัดวันเก็บไข่ 11 มี.ค.52 เวลา 5.50 น รวมเป็นวันที่ 17 หลังจากประจำเดือนมา โดยจะเริ่มทำตอน 6.00น. จึงให้ฉีดยาให้ไข่สุก Ovidrel 250 mg ที่โรงพยาบาลในวันเดียวกัน คือวัน ที่ 9 มี.ค. เวลา 19.30 น. ไหนๆ ก็ใกล้เวลาแล้ว เราเลยคอยจนฉีดยาเสร็จค่อยกลับบ้าน จะได้ไม่ต้องฉีดเอง และเนื่องจากมีไข่ให้เก็บเพียงฟอง เดียว คุณหมอจึงบอกว่าไม่ต้องวางยาก็ได้นะฉีดยาชาเฉพาะที่ก็พอ ฟังแล้วน่ากลัวจริงๆ
10 มี.ค.52 กลุ้มมาก กลัวมาก คิดแล้วคิดอีก คุณพยาบาลก็บอกว่าเจ็บนิดเดียว ได้ไข่ใบเดียวก็ไม่ต้องวางก็ได้จะได้กลับบ้านได้เร็ว แต่ความกลัวขึ้น สมองแล้ว เครียดอีกตะหาก ประสาทจะกิน เมื่อกลับจากที่ทำงานถึงบ้านตอนเย็นก็รีบโทรไปโรงพยาบาล ม่ายเอาแล้วค่า ขอคุณหมอว่าขอนอน หลับขณะเก็บไข่ แทนยาชาที่มดลูก คุณหมอก็โอเค คุณสามีก็บอกว่ากลัวมากไปหรือเปล่า ไม่เป็นไรหรอก...เชอะ ก็ตัวเองไม่ได้เป็นคนต้อง โดนฉีดยานี่นา
11 มี.ค.52 ตื่น 04.30 น. ปลุกคุณสามีเตรียมน้ำเชื้อไปด้วยเลย ไปถึงห้องคลอดก่อนเวลา ดีจังได้มีเวลาปลดทุกข์ ทั้งหนักทั้งเบาเรียบร้อย คุณ สามีมาบอกทีหลังว่า ทุกคนมัวแต่ยุ่ง ไม่มีใครได้ยินคุณหมอกดกริ่งห้องคลอด คุณเธอเลยเป็นคนไปเปิดให้เอง และแล้วคุณหมอเริ่มดูดไข่ เวลา 6.30 น.โดยต้องล้างช่องคลอดก่อนและให้ยานอนหลับทางสายน้ำเกลือ ตื่นมาอีกทีตอนเจ็ดโมงกว่า นอนพักอยู่สองชั่วโมง 09.30 น.จึง ได้กลับบ้าน
นักวิทยาศาสตร์ห้องแล็ปบอกว่า ได้ไข่ 1 ฟองนะ จะผสมวันนี้และจะโทรแจ้งผลวันรุ่งขึ้นว่าปฏิสนธิหรือไม่ โดยวันที่ 12 มี.ค. นี้นัดฉีดยา pregnyl1,500 U ที่โรงพยาบาลด้วย และมียากินยาเหน็บอีกสองสามอย่าง
ครั้งนี้นับเป็นการทำ ICSI ครั้งแรกค่ะ โชคดีว่าที่นี่มี package ทำ ICSI ราคาไม่แพงนักนะ เพื่อนเราบอกว่าหลายปีก่อนเค้าเคยทำ กิฟท์เสียตังค์ไปกว่าสองแสนที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งแต่ก็ไม่ติด นะ ที่นี่เค้าคิด package ในช่วงเก็บไข่และค่าแล็ปในการทำปฏิสนธิ 55,000 บาท และถ้ามีการปฏิสนธิคิดค่าแล็บในการดูแลอีก 5000 บาท นอกนั้นก็เป็นยาฉีดซึ่งต้องจ่ายเพิ่ม คราวนี้เราก็ไม่ลุ้น ไม่หวังอะไรมากเพราะ วันที่ 13 มี.ค. มีกิจกรรมต้องไปเสนอผลงานวิชาการที่เชียงรายถ้าได้ผลก็คงไม่ได้ไป อยากรู้เพียงแค่ว่าจะเดินทางหรือไม่
12 มี.ค. 52 เอ ไม่มีใครโทรมาซะที จะได้เดินทางหรือไม่นะนี่เพราะวันที่ 13 ต้องขึ้นเครื่องบินแล้วจะได้รู้ว่าจะได้ไปหรือไม่ หากไม่ได้ไป จะได้ฝากงานคนอื่นไป present อิอิ เพราะทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ก็เกรงใจอยู่เพราะปีที่แล้ว มีสัมมนาภาษาศาสตร์นี้เราก็ไม่ได้ไป เพราะเพิ่งผ่าตัดเนื้องอกมดลูกไป พอถามทั้งคุณหมอ คุณพยาบาลและผู้ปกครองคือคุณสามีต่างก็บอกไม่ควรเดินทาง คราวนั้นก็เลยได้แต่ฝากงานไป present ครั้งนึงแล้ว ครั้งนี้จะฝากอีกก็น่าเกรงใจมากอยู่นะ ในที่สุดจึงโทรไปถาม ได้คุยกะนักวิทยาศาสตร์ประจำห้องแล็ปที่เป็นผู้ดำเนินการผสมไข่ให้ เธอบอกว่าไข่ไม่มีการปฏิสนธิ คุณหมอให้รอจนถึงตอนบ่าย แต่แล้วก็ไม่มีการปฏิสนธิ คุณหมอจึงสรุปว่ายกเลิกยาทั้งหมด รวมทั้งการนัดฉีดยาด้วย เราก็เลยได้ไปสัมมนาที่แม่ฟ้าหลวงนะรอบนี้ ไม่ได้เสียใจหรอกที่ไม่สำเร็จ เพราะไม่ได้คิดอะไรมาก พอพบกัน 18 มี.ค. คุณหมอจึงให้ primolut 5 mg. มาปรับประจำเดือน เป็นอันว่าจบการทำ ICSI รอบแรกค่ะ Chill Chill จ้า สำหรับค่าใช้จ่าย ลองคิดเล่นๆ ดู เริ่มตั้งแต่กระตุ้นไข่ปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึง 11 มี.ค. มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 74,191.04 บาท (ค่า package ICSI 55000)
ทีนี้คุณหมอก็บอกว่าดูกันเป็นรายเดือนละกันนะ เดือนเม.ย เดือนพ.ค. กระตุ้นไข่ไปก็ไม่พบว่ามีอะไรเกิดขึ้นเลย สงสัยร่างกายจะขอพักหน่อยละมัง อาจต้องบำรุงกันบ้างแล้ว นึกได้ว่าหนูดาว คุณแม่จอมวุ่น เนี่ยตอนพยายามอยากจะมีน้องก็บอกว่ามีอาจารย์ผู้ใหญ่แนะนำให้ไปหาซินแสคนนึงที่ร้านสมบูรณ์โอสถ ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพ เห็นว่าเวิร์กมาก เอ้าไปลองดูละกัน